หากเราจะนึกถึงเกมแนวสร้าง พัฒนา เกมจำลอง จัดการทรัพยากรต่าง ๆ ก็คงนึกถึงเกม Aven Colony, Age of Empires หรือ พวกเกม Planet coaster แต่อีกเกมที่ไม่พูดถึงคงไม่ได้เพราะใคร ๆ ก็น่าจะรู้จักจากภาพยนตร์ดังที่มีไดโนเสาร์อย่าง Jurassic World แต่เป็นในเวอร์ชั่นเกม ที่ได้ปล่อย Jurassic World Evolution ภาค 2 ออกมาแล้ว ด้วย Setting ที่ไม่เหมือนใคร ที่จะได้สร้างสวนไดโนเสาร์และบริหารจัดการทรัพยากร เพราะด้วยความที่ภาคแรกประสบความสำเร็จอย่างมาก แล้วภาค Evolution 2 นี้จะเป็นอย่างไร ต้องมาดูกัน
เกม Jurassic World Evolution 2 เป็นเกมจำลองการก่อสร้างและบริหารจัดการ จากผู้พัฒนา Frontier Developments plc เป็นภาคต่อของ Jurassic World Evolution และยังเป็นภาคที่เกิดขึ้นหลังจาก Jurassic World: Fallen Kingdom ด้วย โดยได้เปิดตัวเมื่อปี 2564 ที่ผ่านมา บนแพลตฟอร์ม Playstation 4, Playstation 5, Xbox One, Xbox Series X และ Series S รวมถึง PC ด้วย
ในภาคต่อนี้ทีมผู้พัฒนา Frontier มีแคมเปญโหมดที่แต่ละส่วนจะมีภารกิจต่าง ๆ ที่ค่อยเป็นค่อยไป ทั้งการใช้เครื่องมือและการสอนใช้เทคนิคต่าง ๆ เพื่อให้ผู้เรียนเข้าใจระบบของเกมเพื่อจะไปเล่นในโหมดอื่น ๆ ในเนื้อเรื่องของภาคนี้ไดโนเสาร์จะกระจัดกระจายออกไปอยู่กันอย่างอิสระ ในเขตอเมริกาเหนือ ทั้งแอริโซนา วอชิงตันหรือแม้แต่ เพนซิลเวเนีย นอกเหนือจากโบสถ์แคมเปญหลักแล้วภาคนี้ยังมีโหมดใหม่เพิ่มเข้ามา อย่างโหมด Chaos Theory ในโหมดนี้จะทำให้ผู้เล่นเข้าถึงตัวเกมได้ดีขึ้นกว่าเดิม โดยในโหมดนี้จะประกอบไปด้วย 5 scenario ที่มาจากช่วงเวลาต่าง ๆ ของหนังจาก Jurassic แต่ละภาค ทั้ง Jurassic Park และ Jurassic world ที่จะถูกจับมาเป็นภารกิจภายในเกมนี้ได้อย่างลงตัว อย่างเช่น จูราสสิกพาร์ค ภาคแรก จะเป็นช่วงเวลาที่ John hammond กำลังเริ่มสร้าง Theme PARK ตั้งแต่โครงสร้างของสวนและการเพาะพันธ์ไดโนเสาร์ ถ้าใครเป็นที่เป็นแฟนของเฟรนไชน์นี้ จะต้องชอบภาคนี้อย่างแน่นอน เพราะภาคนี้ยังเพิ่มอิสระในการคิดและเลือกทำสิ่งต่าง ๆ กับส่วนงานแต่ละงานในโหมดแคมเปญได้อีกด้วย ซึ่งโหมด Chaos Theory เหมือนจะเป็นโหมดการเล่นแคมเปญที่แท้จริง แม้จะใช้เวลาไม่นาน เพราะโหมดแคมเปญจริง ๆ จะเน้นไปที่การสอนเล่นซะส่วนใหญ่ และแน่นอนว่าเป็นแฟนเกมแนว Park หรือเกมแนวสร้างและบริหารจัดการทรัพยากร จำลองสถานการณ์ โหมดที่คนส่วนใหญ่มักจะเล่นกันจนเพลิน และสูบเวลาชีวิตมากที่สุดก็คงไม่พ้นโหมด Sandbox ในการสร้างสวนไดโนเสาร์ แต่สำหรับใครที่มาเพื่อนเล่นโหมด Sandbox เลยก็อาจจะไม่ค่อยชอบเพราะเครื่องมือต่างๆจะถูกล็อกไว้จนกว่าเราจะได้เล่นผ่านในโหมดอื่นแล้วมันเหมือนเป็นการบังคับพูดเล่นให้ได้เล่นโหมด Sandbox ทีหลัง
ในส่วนของระบบการเล่นหลัก ๆ ยังคงเหมือนกับภาคก่อน ที่จะมีส่วนที่เราจะต้องสร้างสิ่งปลูกสร้างต่าง ๆ เพื่อทำให้สวนของเรางานได้ทำงานได้ ตั้งแต่กรงไดโนเสาร์ สถานีวิจัย อาคารพักผ่อนสำหรับพนักงาน หรือระบบ security และส่วนที่จะทำให้สวนไดโนร์ของเราน่าสนใจ อย่างเช่น จุดชมวิวต่าง ๆ หรือจุดพักสำหรับนักท่องเที่ยว รวมถึงถนนทางเดินต่าง ๆ และอีกส่วนที่ทำให้เกม Jurassic World Evolution 2 ต่างไปจากเกมอื่น ๆ ก็คือ การที่ผู้เล่นจะได้บริหารจัดการกับเหล่าไดโนเสาร์หลากหลายสายพันธุ์ มีตั้งแต่ทีมวิจัยในการเข้าไปหาฟอร์สซิล จากพื้นที่ต่าง ๆ และนำกลับมาเพาะ เป็นไข่และฟักตัวออกมา ไปจนถึงการดูแลสุขภาพและความสุขของไดโนเสาร์ในสวนของเรา ซึ่งแต่ละสายพันธุ์ก็จะมีความต้องการที่แตกต่างกัน แน่นอนว่าสวนไดโนเสาร์ก็เหมือนกับเกมอื่น ๆ ที่ต้องมีความพึงพอใจของนักท่องเที่ยวและความปลอดภัยของผู้เข้ามาเยี่ยมชม นอกจากการเลือกเมนูและการเล่นการใช้เครื่องมือต่าง ๆ แล้วพูดเล่นสามารถบังคับยานพาหนะ ได้ด้วยตนเองแล้ว เช่น การควบคุมเฮลิคอปเตอร์ หรือรถยนต์เพื่อออกไปทำภารกิจ เช่น การตรวจตราไดโนเสาร์ หรือการขึ้นเฮลิคอปเตอร์เพื่อไปยิงยาสลบไดโนเสาร์ ผู้เล่นจะได้บังคับฮอล์และสลับมาเป็นคนยิงยาสลบได้ในมุมมองบุคคลที่หนึ่ง เพื่อเล็งไดโนเสาร์ได้ง่ายขึ้น ถึงแม้ว่าจะทำออกมาได้ไม่ลื่นไหลเหมือนเกมอื่น ๆ แต่ก็ถือว่าทำออกมาได้ดีสำหรับเกมแนวจำลองและบริหารจัดการ ทำให้ผู้เล่นได้เปลี่ยนบรรยากาศและเปลี่ยนอารมณ์ได้อย่างดี
อีกหนึ่งส่วนที่ถูกอัปเกรดมาอย่างเห็นได้ชัดใน jurassic Park Evolution 2 คือฉากและกราฟิกที่ทำออกมาได้อย่างสวยงามและเต็มไปด้วยรายละเอียดต่าง ๆ ไดโนเสาร์แต่ละสายพันธุ์ที่ยังเป็นจุดเด่นของเกมก็ออกแบบมาได้อย่างสวยงาม ซึ่งอ้างอิงจากภาพยนตร์ รวมไปถึงแอนิเมชั่น การเคลื่อนไหวของไดโนเสาร์ดูเป็นธรรมชาติอีกด้วย ส่วน performance ของเกมก็ถือว่าทำออกมาได้ดี แม้บางจุดจะมีเฟรมดรอป โหลดฉากไม่ทันเวลาที่ซูมเร็ว ๆ หรือหมุนมุมกล้องเร็ว ๆ แต่โดยรวมแล้วก็ถือว่าตามมาตรฐานของเกมแนวนี้ ในส่วนของเสียงก็ทำออกมาได้ดีมาก เสียงเพลงประกอบก็สามารถฟังได้ตลอดทั้งเกม เสียงบรรยากาศสภาพแวดล้อมและเสียงของเหล่าไดโนเสาร์ก็เข้ากับเกมได้อย่างลงตัวมาก voice acting ก็ทำออกมาได้ดีเช่นกัน ทำให้ไม่เงียบเหงาจนเกินไป และในภาคนี้แฟน ๆ ของภาพยนตร์ jurassic Park จะได้ยินเสียงของ Dr.Ian Malcolm ที่พากย์เสียงโดยนักแสดงตัวจริงอีกด้วย
เกม jurassic Park Evolution 2 ก็ถือว่าทำออกมาได้ตามมาตรฐาน แม้ว่าโหมดแคมเปญจะเน้นการสอนเล่นมากเกินไป แต่ในโหมดแซนบ็อกซ์ก็ยังทำให้หลาย ๆ คนชอบเล่นกัน แม้จะมีข้อจำกัดเรื่องเครื่องมืออยู่บ้าง แต่ถ้าเป็นรายละเอียด สวน ไดโนเสาร์ถือว่าทำออกมาได้ดีมาก สำหรับแฟน ๆ ซีรี่ส์ น่าจะไม่พลาดในภาคนี้